รีวิว ultraman 2 วันนี้ทางเรายากจะมา รีวิวอนิเมะล่าสุด กับเรื่อง ultraman ซีซั่น 2 นี้ ที่มีทั้งหมด 19 ตอน ตอนละ 23 นาที และสามารถรับชมได้ทาง Netflix ได้เลยใครที่เป็นแฟนคลับ Ultraman ห้ามพลาดที่จะรับชมกันนะ ซึ่งในซีซั่นนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวในอดีตอุลตร้าแมนที่สูญเสียความทรงจำตอนที่เป็นอุลตร้าแมน และทางการของญี่ปุ่นก็เริ่มมองหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะมารับช่วงต่อการเป็นอุลตร้าแมน ซึ่งคนๆ นั้นก็คือชินจิโร่ 

ส่วนเรื่องราวความสนุกจะเป็นยังไงต่อไปนั้น ไปติดตามชมกันได้เลย และเรื่องนี้ก็สนุกไม่แพ้กับ tengoku daimakyou อย่างแน่นอน ห้ามหากอยากเปลี่ยนใจมาดูหนังติดตามกันเลยใน ดูหนังออนไลน์

รีวิว ultraman 2 อนิเมชั่นออนไลน์ แสนสนุก

รีวิว ultraman 2 อนิเมชั่นออนไลน์ แสนสนุก

มารู้จัก รีวิว ultraman 2 อนิเมชั่น Netflix ห้ามพลาด

รีวิว ultraman 2 Ultraman เป็นแอนิเมชันที่ดัดแปลงจากมังงะญี่ปุ่นเรื่อง อุลตร้าแมน ของ เออิจิ ชิมิสึ (Eiichi Shimizu) กับ โทโมฮิโระ ชิโมกุจิ (Tomohiro Shimoguchi) โดยเล่าเรื่องราวแบบ จะเกิดอะไรขึ้น ที่ต่อยอดมาจาก ซีรีส์อุลตร้าแมนภาคแรกในปี 1966

 

เรื่องราวในซีซัน 2 คือการเปิดตัวเด็กดันคนใหม่อย่างโคทาโร่นั้นก็คงไม่ผิดนัก เพราะด้วยความป๊อปปูลาร์ของตัวละคร ก็ส่งผลให้เขาได้เปิดตัวในเวอร์ชันแอนิเมชันเร็วขึ้น และเคมีของโคทาโร่ก็เข้าไปหลอมรวมกับกลุ่มตัวเอกได้อย่างแนบสนิท จนเราก็อดหลงรักตัวละครนี้ไปโดยไม่รู้ตัว

 

รีวิว ultraman 2 อนิเมชั่นออนไลน์ แสนสนุก

เมื่อมองถึงจุดสำคัญอย่างงานภาพ ก็ขอชมจากใจว่า netflix original ทำการบ้านมาดีมาก เพราะปัญหาของซีซันแรกคือการที่เฟรมเรทของอนิเมชันค่อนข้างกระตุก ชนิดที่ว่าบางฉากแทบอยากจะเบือนหน้าหนี ซึ่ง Netflix ก็ค่อนข้างรับฟังเสียงจากผู้บริโภค เพราะซีซันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องภาพกระตุกให้จุกจิกกวนใจแล้ว

 

และซิกเนเจอร์อย่างซีนแอ็กชันก็ยังทำได้ดีตามมาตรฐาน เพราะสิ่งนี้ถือเป็นจุดเด่นที่ทำได้ดีมาตั้งแต่ซีซันแรกแล้ว และในซีซันที่ 2 ก็ยกระดับมุมกล้องให้ออกมาดีขึ้น ไหลลื่นขึ้น แถมซีนแอ็กชันยังพลิ้วไหวมากกว่าเดิมซะด้วย

เนื้อเรื่อง

เมื่อครั้งอดีตบนโลกใบนี้ มียักษ์แห่งแสงตนหนึ่งได้มาสถิตอยู่ในร่างของมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่า Hayata Shin และคอยปกป้องโลกจากภัยคุกคาม การทำลายล้าง และความโกลาหล ที่เข้ามารุกรานพร้อมกับมนุษย์ต่างดาวและสัตว์ประหลาดยักษ์

 

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ยักษ์แห่งแสงก็ได้เดินทางกลับดาวบ้านเกิด M78 ณ จักรวาลอันไกลโพ้น ส่วน ฮายาตะ ชิน มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของร่างที่ยักษ์แห่งแสงมาสถิตก็สูญสิ้นความทรงจำที่ตนเองเกี่ยวข้องกับยักษ์แห่งแสง และกลับไปใช้ชีวิตตามปรกติอย่างที่ควรจะเป็น โลกที่พ้นจากภยันตรายร้ายแรง ก็ยังคงหมุนต่อไปอย่างสงบสุข

 

แต่ถึงแม้ว่าโลกจะสงบสุขแล้วก็ตามที แต่ทาง หน่วยวิทยะ หรือ หน่วยสืบสวนพิเศษทางวิทยาศาสตร์ (SSSP / Science Special Search-Party) ที่เคยร่วมมือและให้ความช่วยเหลืออุลตร้าแมนในอดีต ก็ยังคงปฏิบัติการณ์เฝ้ามองและคอยปกป้องโลกจากเหล่าอาชญากรต่างดาวที่ยังคงแฝงตัวอยู่ในโลกมนุษย์อย่างลับๆ โดยมีพิพิธภัณฑ์อุลตร้าแมนบังหน้า

 

จนกระทั่งหลายสิบปีต่อมา ในวันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์เครื่องบินระเบิด ซึ่งจากการตรวจสอบของทาง หน่วยวิทยะ ก็ได้พบว่ามีสิ่งมีชีวิตลึกลับตัวหนึ่งที่ชื่อ Bemular ปรากฎตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงทำให้ทาง หน่วยวิทยะ

 

เชื่อว่า บีมูลาร์ เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์เครื่องบินระเบิดในครั้งนี้ แต่ในเมื่อยักษ์แห่งแสงไม่อยู่คอยปกป้องโลกแล้ว ทางเดียวที่มนุษย์จะป้องกันภัยอันตรายในครั้งนี้ได้ ก็คือ การพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ขึ้นมา เพื่อรับมือกับเหล่าร้ายจากต่างดาวหล่านี้ โปรเจคอุลตร้าแมน 2 จึงถูกพัฒนาขึ้น

 

ทางด้าน ฮายาตะ ชิน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งไปแล้ว เริ่มรับรู้ได้ถึงความผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองและตัว Hayata Shinjiro ลูกชายของเขา เช่น การมีพลังกำลังที่มากเกินกว่ามนุษย์ปรกติ เป็นต้น เขาจึงได้เข้าไปปรึกษากับ Mitsuhiro Ide (เพื่อนสนิทที่เคยทำงานร่วมกันใน หน่วยวิทยะ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการของ หน่วยวิทยะ)

 

อิเดะ จึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ หน่วยวิทยะ ในปัจจุบัน และศัตรูตัวอันตรายที่ หน่วยวิทยะ กำลังจับตามองอยู่ และเล่าเรื่องราวความเกี่ยวพันในอดีตระหว่างตัว ชิน กับ อุลตร้าแมน

 

ซึ่งนั่นก็คือที่มาของพลังเหนือมนุษย์ที่ได้มาจากจาก DNA ของอุลตร้าแมนที่แฝงอยู่ในยีนส์ของ ชิน ในขณะที่อุลตร้าแมนสถิตอยู่ในร่างของเขา จนกระทั่งยีนส์ดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดสู่ ชินจิโร่ ลูกชายของเขาทางพันธุกรรม

 

10 ปีผ่านไป ฮายาตะ ชินจิโร่ ได้เติบโตเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พร้อมกับพลังพิเศษที่เหนือมนุษย์ ที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่ามันมาจากไหน เขาพยายามปกปิดการมีอยู่ของพลังพิเศษนี้กับทุกคนรอบข้างรวมถึงคุณพ่อของเขาเองด้วย

รีวิว ultraman 2 อนิเมชั่นออนไลน์ แสนสนุก

แต่เขากลับหารู้ไม่ ว่าจริงๆ แล้ว คุณพ่อของเขาและ หน่วยวิทยะ ต่างหากที่กำลังเฝ้าติดตามดูพัฒนาการทางด้านพลังพิเศษในตัวของเขาอยู่ตลอดเวลา

 

จนกระทั่งวันหนึ่ง บีมูลาร์ ก็ได้เข้าโจมตี ชินจิโร่ เนื่องจากรับรู้ถึงพลังพิเศษที่แฝงอยู่ภายในตัวของเขา ที่ไม่ควรจะมีอยู่บนโลกใบนี้ ในขณะที่ ชินจิโร่ กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ คุณพ่อของเขา ฮายาตะ ชิน ก็ได้ปรากฏตัวในชุดเกราะ อุลตร้าสูท พร้อมทั้งเปิดเผยว่า เขานี่แหละคือ อุลตร้าแมน ในตำนานยักษ์แห่งแสง

 

เมื่อ ชินจิโร่ ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาจึงตัดสินใจที่จะสวมชุดเกราะอุลตร้าสูท เพื่อทำหน้าที่ในการต่อสู้และปกป้องโลกจากการรุกรานของมนุษย์ต่างดาวตัวร้ายผู้หมายจะทำลายโลกใบนี้

 

แต่อุลตร้าแมนไม่ได้มีเพียงแค่ ฮายะตะ 2 พ่อ-ลูกเท่านั้น ใน หน่วยวิทยะ ยังมีผู้สวมชุดอุลตร้าสูทอีก 1 คน นั่นก็คือ Dan Moroboshi ผู้สวมชุดเกราะอุลตร้าแมน ที่มีโค้ดเนมว่า 7 (เซเว่น)

 

นอกจากนี้ ยังมี seiji hokuto ultraman netflix เด็กนักเรียนชั่นมัธยมต้น ผู้สวมชุดเกราะอุลตร้าสูท ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีต่างดาวอีกหนึ่งคน ซึ่งจะเริ่มเข้ามามีบทบาทในช่วงกลางซีซั่น ชินจิโร่, โมโรโบชิ และ หน่วยวิทยะ จะสามารถต่อสู้กับเหล่าศัตรูตัวร้ายได้หรือไม่ ไปร่วมลุ้นกันนะฮะ

หลังจากดูจบแล้วรู้สึกยังไง

เป็นการหยิบอุลตร้าแมนอนิเมฉบับดั้งเดิมมาตีความใหม่และต่อยอดเรื่องราวได้อย่างดีเลยแหละ การปรับเปลี่ยนจากการต่อสู้ของมนุษย์ต่างดาวร่างยักษ์ มาเป็นมนุษย์ไซส์ปรกติใส่ชุดเกราะต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว ถือว่าเป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์มากๆ เลยฮะ (แต่การได้เห็นคนสวมชุดเกราะต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาว มันก็ให้อารมณ์เหมือนเราดู Iron Man อยู่เหมือนกันนะฮะ)

 

ในส่วนของเนื้อเรื่องก็มาในโทนที่ซีเรียสจริงจัง ดูสนุก ลุ้นระทึก และน่าติดตามดี โดยเฉพาะฉากแอคชั่นต่อสู้ทำออกมาได้สนุกสุดๆ

 

ประเด็นหนึ่งที่อุลตร้าแมนเวอร์ชั่นนี้หยิบมาพูดถึง คือประเด็นที่ว่า อุลตร้าแมน เป็น ผู้ช่วย หรือ ผู้ทำลาย กันแน่ ซึ่งก็คล้ายๆ กับประเด็นที่พูดถึงในภาพยนตร์ออนไลน์เรื่อง Batman V Superman: Dawn of Justice นั่นแหละฮะ

 

เพราะในการต่อสู้กันของ อุลตร้าแมน กับ มนุษย์ต่างดาว ที่กำลังอาละวาดอยู่นั้น มันได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย รวมถึงผู้คนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบก็ได้รับอันตรายไปด้วยเช่นกัน

ในส่วนของงานด้านภาพนี่ ต้องยกนิ้วให้เลยฮะ แสงสีและลายเส้นสวยงามมาก โดยเฉพาะชุดเกราะอุลตร้าแมนสูท ดีไซน์ออกมาได้สวยและเท่ห์มากๆ ฮะ

 

ส่วนเพลงในช่วง Ending Credit ก็ได้เลือกเอาเพลง Sight Over The Battle ของศิลปิน OLDCODEX ซึ่งเป็นเพลงแนว J-Rock มาใช้ เพลงมันส์ดี เข้ากับภาพรวมของเรื่องได้ดีเลยฮะ น่าเสียดายสำหรับเราคงจะเป็นการที่ซีซันนี้เลือกที่จะใช้คำว่า ‘ซีซัน 2’

 

แม้ว่าปมปริศนาจะดูยิ่งใหญ่ แต่เนื้อหากลับมีขนาดเพียงแค่ 6 ตอน ถือว่าสั้นกว่ามินิซีรีส์บางเรื่องซะอีก ด้วยจำนวนตอนเพียง 6 ตอน และเวลาแต่ละตอนก็ไม่ถึง 20 นาที จึงทำให้แอนิเมชันไม่สามารถเล่าทุกอย่างออกมาได้หมดจด

 

และก็มันส่งผลถึงบาดแผลต่อไป ที่แอนิเมชันภาคนี้มีพลอตรองที่ยุ่งเหยิงเต็มไปหมด ทั้งการเร่งรีบแนะนำตัวละครใหม่ การเปิดเผยความลับของตัวละครเก่า รวมถึงการเน้นน้ำหนักตัวประกอบที่มากเกินจำเป็น

 

ทั้งยังไม่นับพล็อตหลักที่มีทั้งบอสรองกับบอสหลักด้วยนะ ซึ่งทุกอย่างถูกยัดมาในเวลาเพียง 6 ตอนเท่านั้น

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ รีวิว ultraman 2

งานภาพ 3D อยู่ในเกณฑ์ดี ฉากแอ็คชั่นยอดเยี่ยม เล่นประเด็นด้านความเป็นฮีโร่หรือผู้ทำลายของอุลตร้าแมนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ตัวละครส่วนใหญ่ค่อนข้างสีเทา มีมิติ และปมของตัวเอง Easter Egg ที่แฟนอุลตร้าแมนน่าจะชอบ

 

ชุดสูทของอุลตร้าแมนให้ความรู้สึกเหมือนเป็น Ironman มากกว่า ต้องใช้เวลาเดินเรื่องทั้งซีซั่น ตัวเอก ฮายาตะ ชินจิโร่ ถึงค่อยดูสมเป็นอุลตร้าแมน ฉากแอ็คชั่นบางตอน พลังการทำลายดูไม่สมจริงเท่าไหร่ (แค่บางตอน)

เป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่น่าสนใจเลยทีเดียว

เป็นงานอนิเมะอีกเรื่องหนึ่งที่สนุกมากๆ ฮะ ให้อารมณ์เหมือนดูหนังของค่าย Marvel ผสมกับ DC ยังไงยังงั้นเลย และใครที่ไม่เคยดูหรือติดตามอุลตร้าแมน netflixฉบับดั้งเดิมมาก่อนก็ดูได้รู้เรื่องอยู่นะฮะ (แต่คงไม่ฟินเท่าคนที่เคยดูมาแล้ว)

 ส่วนใครที่อินกับภาพอุลตร้าแมนตัวใหญ่ๆ ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดไคจู อาจจะต้องเปิดใจสักหน่อยนะฮะ

สรุปแล้วควรดูดีไหม

อุลตร้าแมนถือเป็นแอนิเมชันที่ขาด ๆ เกิน ๆ อยู่พอสมควร ในทุกซีซันต่างมีข้อดี-ข้อเสียคนละจุด โดยในซีซันแรกมีจุดแข็งที่เนื้อหาและโลกอันลึกลับที่ค่อย ๆ ไต่ระดับความพีค มีเวลาให้เราได้ทำความรู้จักโลกของพวกเขา แม้ว่าจะมีบาดแผลใหญ่ที่งานภาพ

แต่ความสนุกของเนื้อเรื่องก็ช่วยให้เราดูต่อจนจบได้ ทว่าในซีซัน 2 นั้นเหมือนกับผู้สร้างโยนทุกอย่างของภาคแรกทิ้งไป แล้วชดเชยด้วยงานภาพที่ลื่นไหล

 

แม้เนื้อหาจะมีจุดบกพร่องที่กวนใจ แต่งานภาพที่งดงามก็ช่วยให้เรายังคงดูต่อไปได้เรื่อย ๆ และถือว่าเป็นบทโหมโรงที่ดี ก่อนจะขับเคลื่อนไปเฟสในซีซัน 3

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *