รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย ดูอนิเมะฟรีวันนี้มาพบกับเรื่องสุสานหิ่งห้อย หรือ Grave of the Fireflies ของค่าย Studio Ghibli เป็นเรื่องที่สื่อออกมาเกี่ยวกับการต่อต้านสงครามอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่แนวประท้วงอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะ เรื่องนี้เป็นแนวสื่อถึงพิษภัยของสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชวนหดหู่ไปตาม ๆ กัน ถือว่าเป็นแนวดาร์กที่สุดเท่าที่ค่าย Studio Ghibli ทำออกมาเลยก็ว่าได้ เพราะส่วนใหญ่ค่ายนี้จะสร้างอนิเมะแนวเชิงแฟนตาซีหรือคอมเมดี้ที่ดูแล้วให้ควาเพลิดเพลินเสริมจินตนาการไปต่าง ๆ นา ๆ ตามที่ทุกคนเคยได้ดูกัน ไม่ว่าจะเป็น Spirited Away, The Wind Rises เป็นต้น ล้วนเป็นอนิเมะที่เคยได้รับรางวัลมาแล้วทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องนี้ก็เช่นกัน เอาล่ะเดี๋ยวเราจะมารีวิวเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ลองวิเคราะห์ไปพร้อม ๆ กัน ต้องขอบอกก่อนว่ารีวิวนี้เป็นความคิดเห็นของผู้เขียนนะคะ ถ้าพร้อมแล้ว ตามกันมาเลยในอนิเมะคมชัดHD

ข้อมูลทั่วไป สุสานหิ่งห้อย อนิเมะน่าดู สุดซึ้ง

รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย รีวิวอนิเมะล่าสุดGrave of the Fireflies มีชื่อไทยมาตั้งแต่ตอนนั้นว่า สุสานหิ่งห้อย ซึ่งเป็นอนิเมชั่นแนะนำจากสตูดิโอจิบลิ ออกฉายในปี 1988 พร้อมกับ โทโทโร่เพื่อนรัก (My Neighbor Totoro) จากค่ายเดียวกัน ประมาณว่าถ้าไม่อยากดูเรื่องนี้ก็ตีตั๋วไปดูอีกเรื่องแทน คงเพราะ สุสานหิ่งห้อย นั้นบีบคั้นจนเกินที่เด็กๆ หรือผู้ใหญ่จะทนดูไหวในตอนนั้นก็ได้

 

ขึ้นชื่อว่าสงครามไม่เคยให้ประโยชน์กับฝ่ายไหนอย่างแท้จริงสิ่งที่เราจะได้รับจากสงครามมีเพียงแค่ความสูญเสียและความเกลียดชังเท่านั้นไม่เว้นแม้แต่ประเทศพูดเรื่องสงครามเองก็ตาม มีสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นตัวร้ายในประวัติศาสตร์

 

เนื่องจากเป็นผู้ก่อสงครามและยังมีเหตุการณ์โหดร้ายต่างๆ มากมายที่มาจากกองทัพของประเทศนี้ แต่จะมีใครที่มองกลับกันในมุมของพลเรือนประชาชนทั่วไปในประเทศญี่ปุ่นที่ก็โดนผลกระทบความโหดร้ายจากสงครามไม่แพ้กับชนชาติอื่น

 

ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้สตูดิโอจิบลิได้สร้างภาพยนตร์ออนไลน์เรื่อง Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย ออกมาและมันสะท้อนความหดหู่และภัยจากสงครามที่ประชาชนทั่วไปได้รับออกมาได้อย่างน่าเศร้า เป็นผลงานการกำกับของอิซาโอะ ทาคาฮาตะ ออกฉายครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน ปี 2531 เป็นเวลากว่า 32 ปีแล้วที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงโลดแล่นและเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ได้รับการพูดถึงอยู่เป็นประจำ

 

ชื่ออังกฤษ : Grave of the Fireflies

ชื่อไทย : สุสานหิ่งห้อย

ชื่อญี่ปุ่น : 火垂るの墓 (Hotaru no Haka)

กำกับ : อิซะโอะ ทะกะฮะตะ (Isao Takahata)

อำนวยการสร้าง : โทะรุ ฮะระ (Toru Hara)

 

เขียนบท : อิซะโอะ ทะกะฮะตะ (Isao Takahata)

ดนตรีประกอบ : มิชิโอะ มะมิยะ (Michio Mamiya)

กำกับภาพ : โนะบุโอะ โคะยะมะ (Nobuo Koyama)

ตัดต่อ ทะเกะชิ เซะยะมะ (Takeshi Seyama)

 

ค่าย : สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli)

ความยาว : 88 นาที

ฉาย : 16 เมษายน ค.ศ. 1988

รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย

เนื้อเรื่อง

เป็นเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของสองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในเมืองโกเบ ประวัติประเทศญี่ปุ่นเหตุการณ์เกิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เซตะ โยโกกาวา ลูกชายคนแรกของนายพลทหารเรือ อายุ 14 ปี กำลังขนเสบียงลงหลุมเพื่อมีอาหารเวลาสงครามสงบ และในเวลานั้นเครื่องบินกำลังบินผ่านมายังเมืองเพื่อปล่อยระเบิดครั้งรุนแรงกว่าที่ผ่านมา เซตะจึงให้แม่ของตนออกเดินทางไปยังหลุมหลบภัยก่อน

 

เนื่องจากแม่เป็นโรคหัวใจ โดยเซตะ และ น้องสาว เซซึโกะ อายุ 4 ขวบ จะตามไปทีหลัง ซึ่งระหว่างทางไปหลุมหลบภัย ระเบิดจากเครื่องบินของทหารอเมริกาถูกทิ้งลงมา ทำให้เซตะและเซซึโกะ พลัดหลงกับแม่ของพวกเขา ทำให้เซตะพาน้องสาวไปหลบภัยอยู่หลังเนินถนนสูงเป็นกำแพงหินริมทะเล ซึ่งภายหลังพวกเขาพบว่าบ้านของพวกเขาถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง และรอบๆบริเวณนั้นถูกทำลายทั้งหมด

 

สองพี่น้องพยายามตามหาแม่ มีคนมากบอกเซตะว่าแม่ของเขาบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตลงเนื่องจากถูกไฟลวก และเมื่อเวลาผ่านไปเซซึโกะถามหาแม่ของเขาแต่เซตะบ่ายเบียงไม่ยอมบอกและปกปิดน้องสาวของเขาไม่ให้รู้ว่าแม่ได้เสียชีวิตแล้ว และทั้งสองก็ได้ไปอยู่กับป้า ฮิซาโกะ ของพวกเขา ซึ่งป้าของเซตะถามถึงอาการปาดเจ็บของแม่ เซตะจึงต้องบอกความจริงไปว่าแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว

 

และต่อมาพวกเขาก็ทนนิสัยป้าของเขาไม่ไหวจึงออกจากบ้านป้ามาทั้งสองคน ทั้งสองพี่น้องจึงไปอยู่ในเหมืองเก่าๆ ซึ่งในสมัยก่อนใช้เป็นที่หลบภัย ภายในเหมืองมีแสงสว่างน้อยมากทำให้เซซึโกะกลัวความมืด เมื่อเป็นเช่นนั้น เซตะพี่ชายจึงไปหาหิ่งห้อยมาปล่อยไว้มากมายทำให้มีแสงสว่างมากพอทำให้เซซึโกะไม่กลัว

 

และเมื่อเวลาผ่านไปนาน อาหารก็เริ่มหมด และไม่มีอาหารให้แลกแล้ว และเซซึโกะก็เริ่มมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้น ซึ่งเซซึโกะป่วยเป็นโรคขาดสารอาหาร และเมื่ออาหารหมด ทำให้เซตะต้องขโมยของตามบ้านเมื่อมีการทิ้งระเบิดของทหารอเมริกา ผู้คนมากมายกำลังหลบหนีระเบิดอยู่แต่เซตะกลับวิ่งฝ่าระเบิดเข้าไปตามบ้านคนที่ว่างเปล่าเพื่อเข้าไปหาของกินมาให้เซซึโกะ

 

และนานวันเข้าอาการป่วยของเซซึโกะเริ่มมากขึ้น เซตะจึงพาน้องไปหาหมอแต่หมอก็ไม่มียารักษาให้ มีวันหนึ่งเซตะเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปถอนเงินก้อนสุดท้ายเพื่อเอาออกมาใช้ และเขาก็ได้ข่าวว่าญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามแล้ว เรือทุกลำจมลงทะเลหมด จมไปพร้อมกับความหวังที่จะเห็นพ่อซึ่งเป็นทหารเรือกลับมาหาตนและน้อง

 

เมื่อเซตะกลับมาที่เหมือง เขาเห็นน้องสาวนอนอมลูกหินอยู่ซึ่งเซซึโกะคิดว่าป็นลูกอม เซตะจึงห้ามไม่ให้น้องสาวกินลูกหินอีก และเขาจึงไปเอาแตงโมมาป้อนให้เซซึโกะกินและปล่อยให้เซซึโกะนอนพัก เมื่อเห็นน้องสาวนอนพัก เซตะจึงไปทำอาหาร และตั้งแต่นั้นมา เซซึโกะก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกตลอดกาล

 

ในคืนที่ฝนตกหนักและหนาวเย็นเซตะนอนกอดร่างไร้วิญญาณของน้องสาวเขาทั้งคืน และพอเช้าเซตะ ก็เผาร่างของเซซึโกะและนำเศษกระดูกมาใส่ในกล่องลูกอมและเซตะก็นำกล่องนั้นติดตัวไปตลอดจนกระทั่งเขาเสียชีวิตลงที่สถานีรถไฟในวันที่ 21 กันยายน ปี 1945

รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย

ตัวละคร

เซตะ โยโกกาวา

เด็กหนุ่มอายุ 14 ปี ลูกชายคนโตของนายพลทหารเรือ และมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ เซซึโกะ อาศัยอยู่ในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่ไฟสงครามจะพรากทุกชีวิตในครอบครัวไปจากเขา รวมถึงชีวิตของตัวเขาเองด้วย

 

เซซึโกะ โยโกกาวา

น้องสาวของเซตะ วัย 4 ขวบ เป็นเด็กเลี้ยงง่ายและมองโลกในแง่ดี ชอบกินลูกอมเป็นอย่างมาก และมักตามติดพี่ชายของเธอเสมอ

 

ป้าของเซตะและเซซึโกะ

ป้าของเซตะและเซซึโกะ อาศัยอยุ่กับสามีและลูกอีกสองคน ซึ่งเซตะและเซซึโกะเคยเขาไปขอพักอาศัยกับเธอภายหลังจากแม่ของพวกเขาเสียชีวิต

รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย

ความรู้สึกหลังดูจบแล้ว

รีวิว สุสานหิ่งห้อย อนิเมะที่ห้ามพลาด แนะนำเลย ส่วนตัวผู้เขียนให้คะแนนเรื่องนี้ไป 7 เต็ม 10 นะ เนื่องด้วยพระเอกกับน้องพระเอกมีการกระทำค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลเท่าไร จากเรื่อง ดูเหมือนพระเอกเล่นอยู่กับน้องทั้งวัน ไม่ยอมทำงานแบ่งเบาภาระป้า สื่อถึงว่าเป็นคนไม่มีมานะอดทน ใจร้อน หยิ่งผยองเกินไป ส่วนน้องพระเอกก็ดูเอาแต่ใจจนน่ารำคาญ คนอื่นเค้าลำบาก แต่ตัวเองต้องการกินสิ่งที่ตนเองต้องการ

 

ดูแล้วรู้สึกขัดใจ แต่เรื่องนี้ก็ยังแฝงความสัมพันธ์ที่ดีของพี่น้องคู่นี้ได้ดี เป็นความรักบริสุทธิ์ที่พี่น้องมีให้กันระหว่างเหลือกันแค่ 2 คน ส่วนภาพทำออกมาได้ดี ดูแล้วรู้สึกหดหู่ สงครามไม่มีผลดีเลยจริง ๆ โดยทางผู้เขียนจะสื่อถึงพิษภัยของสงคราม ไม่ได้ช่วยให้ใครดีขึ้นเลย ซึ่งหนังดัดแปลงมาจากหนังสืออัตชีวประวัติของ อะคิยูกิ โนซากะ ผู้สูญเสียน้องสาวตัวน้อยๆ

 

ด้วยสาเหตุจากการขาดอาหารระหว่างสงคราม อิงจากคนจริง ๆ ในสมัยนั้น สุดท้ายคนเสียชีวิตจากสงคราม ส่วนใหญ่ล้วนจะขาดสารอาหารทั้งสิ้น หรือไม่ก็พิการตลอดชีวิต คิดแล้วรู้เศร้าใจอย่างบอกไม่ถูกจริง ๆ โดยรวมแล้วเป็นอีกเรื่องอยากแนะนำให้ลองไปดูกันนะคะ ถึงดาร์กแต่ข้อดี ๆ จากเรื่องนี้เพียบเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นความเห็นแก่ตัว ความอดอยาก เป็นต้น

 

สุสานหิ่งห้อยคือตัวแทนคือสัญลักษณ์ที่น้องสาวพูดถึงสุสานที่แม่อยู่ในนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคงจะเป็นเหยื่อที่เสียชีวิตจากสงครามนั่นเอง

 

การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้เรียกน้ำตาตั้งแต่ต้นเรื่องตอนที่รู้ว่าสองพี่น้องคู่นี้ต้องกำพร้าแม่ และเซตะต้องปิดบังไม่ให้น้องรู้ว่าแม่เสียชีวิตไปแล้ว เซตะเองแม้จะเป็นพี่แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่เด็กผู้ชายที่ต้องรับภาระที่หนักและแถมยังต้องเก็บอารมณ์แกล้งทำเป็นร่าเริงเพื่อปิดบังน้องสาวไม่ให้รู้อีกด้วย ส่วนยายน้องสาวตอนหลังแม้จะรู้มาตลอดเพราะป้าใจร้ายบอกว่าแม่ตายไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะรู้ว่าความตายคืออะไร

 

การ์ตูนถ่ายทอดความใสบริสุทธิ์ของเด็กในเหตุการณ์สงครามที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยความอดอยากได้อย่างน่าสะเทือนใจ สะเทือนใจเสียจนมีความรู้สึกว่าให้กลับไปดูอีกคงไม่ไหวแล้ว เพราะมันเศร้าเหลือเกิน

 

สงครามมันไม่มีฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูกทั้งนั้น มีแต่ฝ่ายที่สูญเสีย เรื่องเล่าจะเล่าผ่านฝ่ายที่สูญเสียและเจ็บปวดยังไงเราก็จะรู้สึกเห็นใจฝ่ายที่เป็นคนสูญเสีย แต่ต่อให้มีฝ่ายไหนชนะสงครามญี่ปุ่น มันก็มีความสูญเสียและเจ็บปวดอยู่ดี สงครามไม่มีใครชนะเบ็ดเสร็จ แมีแต่ผู้สูญเสียที่ชนะสงครามกับผู้สูญเสียที่แพ้สงครามเท่านั้น

 

ถือว่าเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ดูแล้วสะเทือนใจมากเลย แอบน้ำตาซึมกันเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าสงครามโลกครั้งที่สองจะผ่านมานานมากแล้ว แต่ก็ยังสร้างบาดแผลในจิตใจให้กับผู้ที่เคยผ่านช่วงเวลานั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้สะท้อนถึงความยากลำบากในช่วงนั้นได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ว่าผู้คนต้องพบกับความอดอยาก หิวโหย ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง สูญเสียอันบริสุทธิ์ชีวิตไปมากมาย

 

ที่น่าสงสารมากเลยก็คือตัวเอกของเรื่องค่ะ เซตะ และ ซึเซโกะ ที่ควรจะได้ใช้ชีวิตวัยเด็กให้สนุกสนานอย่างเต็มที่ แต่กลับต้องอดมื้อกินมื้อ ไปเผชิญชะตาชีวิตกันตามลำพังโดยที่ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงต่อไป และนอกจากนี้แล้วยังบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าในสภาวะสงคราม แต่ละคนต่างต้องเอาตัวรอดกัน ถึงแม้ว่าเซตะและซึเซโกะจะเป็นเด็ก แต่คุณป้าของพวกเขาก็ยังไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่กับการต้องเลี้ยงเด็กทั้งสอง เพราะทำให้อาหารและเสบียงที่มีอยู่หมดเร็วนั่นเอง

สรุปการรีวิว สุสานหิ่งห้อย

คงต้องบอกว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นนั้นมีน้อยมากที่จะทำออกมาในแนวที่ให้ความรู้สึกเศร้าใจและหดหู่ สมัยที่โลกอินเทอร์เน็ตยังไม่ได้ได้รับความนิยมเท่าในปัจจุบันการมองเห็นแค่หน้าปก ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเข้าใจว่า Grave of the Fireflies สุสานหิ่งห้อย เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วจะซึ้งหรืออบอุ่นใจ แต่พอดูแล้วกลับต้องเจอเนื้อเรื่องที่หนักหน่วง

 

จึงมีการพูดกันปากต่อปากว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ดูแล้วจะรู้สึกหดหู่ มันจึงได้รับการกล่าวถึงอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้คนที่ออกมาเตือนว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีเนื้อหาที่น่าเศร้าใจก็ตาม แต่ด้วยคุณภาพของเนื้อหาก็ยังทำให้มีผู้คนชื่นชอบแม้เวลาจะผ่านมานานนับหลายสิบปี

 

สุดท้ายเราก็อยากแนะนำว่าให้ทุกคนไปหาการ์ตูนออนไลน์ “สุสานหิ่งห้อย” ดูเลย แม้จะเป็นการ์ตูนแนวโศกนาฏกรรมแต่ก็สอนเราได้หลายอย่าง เราพยายามหาจุดบกพร่องของการ์ตูนเรื่องนี้ก็ไม่มีเลย ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจริงตามสไตล์ค่ายจิบิสตูดิโอ บอกเลยว่าสุสานหิ่งห้อยเป็นมากกว่าการ์ตูนจริง ๆ มีความเรียลจนเราอยากกลับไปดูอีกครั้งหากมีเวลาเพื่อรำลึกถึงสองพี่น้องคู่นี้ที่เวลานี้คงเป็นหิ่งห้อยโบยบินด้วยกันอย่างมีความสุขอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *